MTC เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 3 ชุด อัตราดอกเบี้ย [4.30% – 5.00]% ต่อปี คาดเสนอขายระหว่างวันที่ 16 และ 19 – 20 สิงหาคมนี้ ผ่าน 14 สถาบันการเงินชั้นนำ

วันที่ 15 ก.ค. 24

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (“MTC”) เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 3 ชุด ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 4 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 3 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.80% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 8 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.95 – 5.00]% ต่อปี คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 16 และ 19 – 20 สิงหาคม 2567 นี้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ที่ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยทริสเรทติ้ง

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) โดยหุ้นกู้ทีออกและเสนอขายในครั้งนี้ประกอบด้วย

  1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 4 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี
  2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 3 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.80% ต่อปี และ
  3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 8 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.95 – 5.00]% ต่อปี

ซึ่งหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 16 และ 19 – 20 สิงหาคม 2567 นี้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ในระดับ Investment Grade ที่ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 สำหรับวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหนี้จากการออกหุ้นกู้ และ/หรือ ใช้เป็นเงินเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 15-20% พร้อมคุม NPL ให้ไม่เกิน 3.2% และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้

“ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของบริษัทฯ กว่า 30 ปี ที่บริษัทฯ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสทางการเงินอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมให้เป็นสุข รวมถึงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ตามเป้าหมายของสหประชาชาติ (SDGs) ได้อย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม จนได้รับการรับรองผลการประเมิน ESG MSCI Index ในปี 2566 ที่ระดับ AA ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (Customer Finance) และได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ที่ระดับ A ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน จากการประเมินทางมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2566 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors : IOD) ในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) หรือ 5 ดาว เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันอีกด้วย และในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 บริษัท ฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจำนวน 92 เหรียญสหรัฐ ฯ จากธนาคารแห่งประเทศจีน (โดยวงเงินทั้งหมดได้ดำเนินการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว) ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสานต่อการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามที่บริษัทฯ ตั้งใจไว้” นายปริทัศน์ กล่าว

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 147,587 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 ที่มีสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 143,318 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 6,631 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,389 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 5,630 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,070 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานรวมในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 24,526 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4,906 ล้านบาท ในส่วนของจำนวนสาขาในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ เปิดสาขาเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 251 สาขา ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 7,788 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ ยังมีการดำรงอัตราส่วนของลูกหนี้ด้อยคุณภาพ (ค้างชำระเกิน 3 เดือน) ต่อลูกหนี้เงินให้สินเชื่อทั้งหมด (NPL Ratio) ที่ 3.03% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2566 ที่มีอัตราส่วนอยู่ที่ 3.11% ทั้งนี้ บริษัทมี Credit Cost ที่ลดลงโดยมี Credit Cost ที่ระดับ 3.12% ปรับตัวลดลงจากสิ้นปี 2566 ที่มี Credit Cost ที่ 3.67%

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้

  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Bualuang mBanking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 02-888-8888 กด 869 และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application – CIMB Thai Digital Banking) โทร. 02-626-7777
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด  โทร. 02-680-4004
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5000
  • บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1800
  • บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
  • บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร. 02-249-2999
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-638-5500
  • บริษัทหลักทรัพย์ พาย จํากัด (มหาชน) โทร.02-205-7000
  • บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-59
  • บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02-687-7543
  • บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 02-779-9000

หมายเหตุ:การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน

คำเตือน:โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนตามรายละเอียดด้านล่าง

QR Download

หนังสือชี้ชวนสำหรับโครงการ

หนังสือชี้ชวนสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้และการจองซื้อครั้งนี้