บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัท”) ตระหนักดีถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัวและหน้าที่ความรับผิดชอบของบริษัทเกี่ยวกับ การเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคล ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง บริษัทยึดค่านิยมที่ว่าความไว้วางใจและความเชื่อมั่นที่ท่านมีให้ทั้งจากลูกค้า พนักงาน คู่ค้า หรือบุคคลที่มีนิติสัมพันธ์ในลักษณะอื่นใดกับบริษัท เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ นักลงทุน (“ท่าน”) เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสิ่งหนึ่ง บริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะจัดให้มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งเป็นไปตามที่ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) กำหนดไว้ บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายฉบับนี้ขึ้นเพื่ออธิบายถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของท่านเพื่อให้ ท่านได้รับทราบถึงแนวทางในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ดังนั้น จึงขอประกาศนโยบายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รายละเอียดดังนี้
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจัดเก็บรวบรวม
บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคล (ซึ่งรวมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 26 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) และที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“คณะกรรมการ”) กำหนด ดังนี้
สำหรับพนักงานและผู้บริหารของบริษัท (MTC Employee and Executive)
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป | ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเกิด อายุ อาชีพ เพศ สถานภาพทางการสมรส รูปถ่าย หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน อีเมล ประวัติการศึกษา เวลาเข้า ออกงาน ประวัติการลา ลายมือชื่อ และรายละเอียดข้อมูลติดต่ออื่น ๆ |
ข้อมูลและประวัติเกี่ยวกับการทำงาน | ชื่อบริษัท ระยะเวลาการทำงาน รายละเอียดหน่วยงานสังกัด ตำแหน่งหน้าที่ ที่อยู่ที่ทำงาน |
ข้อมูลทางการเงิน | รายได้ แหล่งที่มาของรายได้ เงินเดือน เลขบัญชีธนาคาร รายละเอียดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวบัญชี รายละเอียดเกี่ยวกับเงินกู้ ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรม ข้อมูลการชำระค่าสาธารณูปโภค |
ข้อมูลประวัติการถูกดำเนินคดีความ | ประวัติอาชญากรรม บันทึกเกี่ยวกับการดำเนินคดีไม่ว่าทางแพ่ง หรือการดำเนินคดี รวมไปถึงรายงานของตำรวจ และคำสั่งศาลที่เกี่ยวข้อง |
ข้อมูลด้านสุขภาพและข้อมูลทางการแพทย์ | ประวัติการรักษาพยาบาล บันทึกการตรวจทางการแพทย์ บันทึกการรักษาสุขภาพ รายงานทางการแพทย์ รายละเอียดบริการทางการแพทย์ที่ได้รับ ข้อมูลการตรวจวัดอุณหภูมิ |
ข้อมูลที่เกี่ยวกับชีวภาพ | การวิเคราะห์ใบหน้า (Facial Recognition) การตรวจสอบลายนิ้วมือ (Fingerprint Verification) |
ข้อมูลทางเทคนิค และกิจกรรมส่วนบุคคล/ลักษณะการใช้งาน | การเข้าใช้เว็บไซต์ แอปพลิเคชันของบริษัท แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ ที่อยู่ไอพีแอดเดรส ข้อมูลการใช้งานเกี่ยวกับอุปกรณ์สำนักงานบริษัท |
สำหรับลูกค้า ( Customers)
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป | ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเกิด อายุ อาชีพ เพศ สถานภาพทางการสมรส รูปถ่าย หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ลายมือชื่อ อีเมล และรายละเอียดข้อมูลติดต่ออื่น ๆ |
ข้อมูลและประวัติเกี่ยวกับการทำงาน | ชื่อบริษัท ระยะเวลาการทำงาน รายละเอียดหน่วยงานสังกัด ตำแหน่งหน้าที่ ที่อยู่ที่ทำงาน |
ข้อมูลทางการเงิน | รายได้ แหล่งที่มาของรายได้ เงินเดือน เลขบัญชีธนาคาร รายละเอียดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวบัญชี รายละเอียดเกี่ยวกับเงินกู้ ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรม ข้อมูลการชำระค่าสาธารณูปโภค |
ข้อมูลด้านสุขภาพและข้อมูลทางการแพทย์ | การตรวจวัดอุณหภูมิ |
ข้อมูลรายละเอียดผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่เคยซื้อจากบริษัท | ประวัติการเป็นลูกค้าสินเชื่อประเภทต่าง ๆ ประวัติการชำระเงิน ประวัติการใช้บริการนายหน้าประกันภัย |
ข้อมูลที่ต้องตรวจสอบ | ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำความรู้จักลูกค้า การระบุตัวตน (KYC) และ ข้อมูลสำหรับตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (CDD) ข้อมูลในการตรวจสอบ การจัดระดับความเสี่ยงด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนเงินแก่การก่อการร้าย |
ข้อมูลที่ต้องตรวจสอบ | การเข้าใช้งานเว็บไซต์แอปพลิเคชันของบริษัท แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ ที่อยู่ไอพีแอดเดรส ข้อมูลการใช้งานเกี่ยวกับอุปกรณ์สำนักงานบริษัท |
สำหรับ คู่สัญญา ( Parties)
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป | ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์บ้านหรือมือถือ หรือรายละเอียดการติดต่ออื่น ๆ เพศ สัญชาติ สถานภาพการสมรส วันเกิด เลขที่หนังสือเดินทาง/บัตรประจำตัวประชาชน ลายมือชื่อ |
ข้อมูลและประวัติเกี่ยวกับการทำงาน | คุณวุฒิการศึกษาจากโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย รวมถึงหนังสือรับรองและหนังสืออ้างอิงจากสถาบันการศึกษา |
ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพงานที่จ้าง | ใบอนุญาตทางราชการที่ออกให้ท่าน |
ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์และค่าตอบแทน | รายละเอียดเกี่ยวกับค่าจ้าง และ/หรือ ผลประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับ เลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลของบุคคลภายนอกที่ได้รับประโยชน์ |
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปที่ปรากฏในเอกสารราชการ | หนังสือรับรองบริษัท บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือเอกสารเกี่ยวกับนิติบุคคลอื่นใดที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของคู่สัญญา |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทร้องขอจากคู่สัญญานิติบุคคล | เพื่อใช้ในการประกอบการเข้าทำสัญญา การบริการ หรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ตามที่บริษัทได้แจ้งหรือขอร้องไปยังท่าน |
หากท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับคู่สมรส ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัว ข้อมูลเกี่ยวกับบุตร ผู้อุปการะ ผู้อยู่ในอุปการะ ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ค้ำประกัน ข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับประโยชน์ หรือท่านขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บุคคลภายนอก ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งรายละเอียดตามประกาศฉบับนี้ให้แก่บุคคลดังกล่าวทราบ ตลอดจนขอความยินยอมจากบุคคลอื่นนั้น
บริษัทจะไม่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือเพื่อใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด หรือในกรณีอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดไว้
2. วิธีการได้มาและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยความจำเป็นและฐานที่กฎหมายกำหนด ดังนี้
2.1 เมื่อท่านแสดงเจตนาจะเข้าทำหรือทำสัญญากู้สินเชื่อ รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน ของบริษัท หรือเมื่อท่าน เข้าถึงหรือใช้เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน และ/หรือบริการต่าง ๆ ทางออนไลน์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือทางโทรศัพท์ หรือบริการอื่นๆ ของบริษัท
2.2 เมื่อท่านส่งเอกสารและชุดสัญญากู้สินเชื่อเพื่อจะเข้าทำสัญญากู้สินเชื่อกับบริษัท หรือเมื่อท่านให้ข้อมูล ขณะที่พิจารณาจะเข้าทำหรือทำสัญญากู้สินเชื่อที่เป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ของบริษัท
2.3 เมื่อท่านติดต่อสื่อสารเป็นหนังสือหรือวาจาผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ โทรศัพท์ อีเมล การพบปะกันโดยตรง การสัมภาษณ์ ข้อความสั้น (SMS) โทรสาร ไปรษณีย์ หรือโดยวิธีการอื่นใด กับบุคลากร เจ้าหน้าที่บริการลูกค้า ผู้รับจ้าง คู่ค้า ผู้ให้บริการ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้กระทำการแทน หรือบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องของบริษัท (“บุคลากรและคู่ค้าของบริษัท”)
2.4 เมื่อท่านได้ให้ความยินยอมส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท เพื่อเข้าร่วมในกิจกรรมทางการตลาด การประกวด การจับฉลาก งานอีเว้นท์ หรือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัท หรือของคู่ค้า หรือบริษัทในเครือของบริษัท
2.5 เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งที่มาอื่นที่มิใช่ท่านเอง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการได้รับข้อมูลจากการตรวจสอบจากแหล่งข้อมูลที่เป็นสาธารณะ แหล่งข้อมูลส่วนตัว หรือแหล่งข้อมูลเชิงพาณิชย์ เว็บไซต์ แหล่งข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการข้อมูล (Data provider) สมาคมหรือสมาพันธ์ของธรุกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่ท่านได้เข้าทำสัญญาหรือใช้บริการ การร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท
2.6 เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งที่มาอื่นที่มิใช่ท่านเอง เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายและเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการกำกับดูแลในประการอื่น ๆ ตลอดจนเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น
3. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิหน้าที่มีตามสัญญา | – การพิจารณาอนุมัติ การให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ เช่น การขอสินเชื่อ การทำประกันภัย ชำระเงินหรือทรัพย์สินใด ๆ – การดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ เช่น การประมวลผล การติดต่อ การแจ้ง การร้องเรียน การมอบงานให้แก่บุคคลอื่นที่เป็นผู้ให้บริการภายนอก การโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่ การแจ้งเตือนชำระหนี้หรือต่ออายุผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ การติดตามทวงถามหนี้ – เพื่อตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลหรือนิติบุคคลของท่าน – เพื่อดำเนินการปฏิบัติตามกระบวนการของบริษัทเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสัญญา – เพื่อตรวจสอบประวัติก่อนและระหว่างเข้าทำสัญญา และอาจมีการตรวจสอบรายละเอียดดังกล่าวระหว่างระยะเวลาตามสัญญา – เพื่อการก่อตั้ง ใช้ โต้แย้ง หรือดำเนินการตามสิทธิเรียกร้องของบริษัท – เพื่อการติดต่อ และการดำเนินธุรกิจของบริษัทตลอดระยะเวลาที่บริษัทยังมีนิติสัมพันธ์ |
ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย | – การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย – การปฏิบัติตามกฎหมายภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายประกันวินาศภัย กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่น ๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว |
ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย | – การบันทึกเสียงทาง Call Center การบันทึกภาพ CCTV การแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร – การรักษาความสัมพันธ์กับท่าน เช่น การจัดการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การดูแลท่านโดยพนักงานของบริษัท การแจ้งเตือนหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ ประเภทเดียวกันกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัทซึ่งเป็นประโยชน์กับท่าน – การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการเดียวกันเพื่อการดังกล่าว ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบริษัท – การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต การผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญา การทำผิดกฎหมายต่าง ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันในการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยง – การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ตัวแทน ของลูกค้านิติบุคคล – การส่งพัสดุหรือจดหมาย |
ความยินยอม | – เพื่อให้ท่านได้รับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่ดี และสอดคล้องกับความต้องการของท่าน – เพื่อให้ท่านได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ คำแนะนำ และข่าวสารต่างๆ รวมถึงสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ |
4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทในเครือ | บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทในเครือของบริษัทเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการให้ บริการ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆแก่ท่าน |
ผู้ให้บริการ | บริษัทอาจว่าจ้างบริษัทอื่นเป็นผู้ให้บริการแทนหรือสนับสนุนการประกอบธุรกิจของบริษัท เช่น ผู้ให้บริการภายนอก (Outsourcing) ตัวแทน ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ เป็นต้น ซึ่งบริษัทอาจจะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ให้บริการแทนหรือสนับสนุนการประกอบธุรกิจของบริษัทเหล่านี้เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ทางธุรกิจต่างๆ รวมถึงการให้บริการแก่ลูกค้า เช่น ผู้ให้บริการด้านการจัดทำเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ผู้ให้บริการ Cloud ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ เครือข่ายต่างๆ |
ที่ปรึกษาวิชาชีพ | บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่ที่ปรึกษาวิชาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การตรวจสอบ กฎหมาย บัญชี และการบริการทางภาษี เพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจของบริษัท |
หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่นที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายหรือวัตถุประสงค์จำเป็น | – การเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจ หน้าที่ในการกำกับดูแลกฎหมายและกฎระเบียบ ดังต่อไปนี้ กฎหมายภาษีอากร กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงานและประกันสังคม และกฎหมายอื่น ๆ ที่บริษัท จำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว – การเปิดเผยข้อมูลของท่านอันเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย |
บุคคลภายนอกที่เป็นผู้รับโอนสิทธิผู้รับโอน หรือผู้รับโอนตามสัญญาแปลงหนี้ใหม่ | – บริษัทอาจโอนสิทธิ โอน หรือทำสัญญาแปลงหนี้ใหม่เพื่อโอนสิทธิและหน้าที่ของบริษัท ให้แก่บุคคลภายนอก ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้รับ โอนสิทธิ ผู้รับโอน หรือผู้รับโอนตามสัญญาแปลงหนี้ใหม่ |
ผู้รับข้อมูลประเภทอื่น | พันธมิตรทางธุรกิจ |
5. นโยบายคุกกี้
เว็บไซต์ของบริษัทใช้คุกกี้เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานของผู้ใช้งานให้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุกกี้ คือ ไฟล์ข้อความที่บริษัทจัดเก็บไว้ในฮาร์ดไดร์ฟของผู้ใช้งานโดยเว็บเพจเซิร์ฟเวอร์ คุกกี้ไม่สามารถใช้เพื่อเปิดโปรแกรมหรือเพื่อนำส่งไวรัสเข้าสู่คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน คุกกี้ถูกเลือกใช้ให้เป็นเอกลักษณ์แก่ผู้ใช้งานและจะสามารถอ่านได้โดยเว็บเซิร์ฟเวอร์ของโดเมนที่ได้นำคุกกี้มาใช้กับผู้ใช้งาน
6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ (หากมี)
บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของไปยังบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ในประเทศต่าง ๆ บริษัทจะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐาน
7. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในประกาศนี้ ทั้งนี้บริษัทจะเก็บกรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันสิ้นสุดความสัมพันธ์หรือมีการติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัท หากมีการดำเนินการทางกฎหมายหรือมีความจำเป็นอื่นใด อาจมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้จนกว่าการดำเนินการนั้นจะสิ้นสุด ซึ่งรวมถึงระยะเวลาที่เป็นไปได้ในการยื่นอุทธรณ์และ/หรือฎีกา หลังจากนั้นบริษัทจะมีขั้นตอนกระบวนการ เพื่อทำการลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับอนุญาตให้กระทำได้
8. มาตรการรักษาความมั่นคงความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทตระหนักดีถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิ หรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
9. สิทธิของท่าน
8.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้ก่อนหน้าในการประมวลผลข้อมูล อย่างไรก็ตาม การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวย่อมไม่ส่งผลต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนหน้าโดยชอบด้วยกฎหมาย
8.2 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลโดยการอ้างอิงฐานกฎหมายอื่นที่ไม่ใช่ฐานความยินยอม
8.3 สิทธิในการได้รับการแจ้งให้ทราบ ท่านมีสิทธิในการรับทราบข้อมูลของตนเองที่ได้มีการประมวลโดยบริษัทได้รับมาจากการเปิดเผยที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลและขอให้บริษัททำสำเนาดังกล่าวแก่ท่าน
8.4 สิทธิในการแก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิยืนยันความถูกต้องและแก้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
8.5 สิทธิในการระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีดังกล่าวบริษัทจะไม่ประมวลผลข้อมูลของท่านนอกเหนือจากการจัดเก็บข้อมูลเพียงเท่านั้น
8.6 สิทธิในการขอให้ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านออกจากการจัดเก็บของบริษัท
8.7 สิทธิในการขอรับและให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้ และให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีดังกล่าว สิทธิในข้อนี้จะสามารถทำได้หากข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกประมวลผลในรูปแบบอัติโนมัติและได้ประมวลผลตามฐานความยินยอม ฐานสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญาหรือก่อนเข้าทำสัญญา
8.8 สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
8.9 สิทธิในการเข้าถึง ขอสำเนา หรือให้เปิดเผยถึงการได้มาของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอเข้าถึง หรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ รวมถึงสามารถขอให้เปิดเผยการได้มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตามสิทธิของท่าน เมื่อมีการร้องขอตามช่องทางการขอใช้สิทธิโดยท่านสามารถใช้สิทธิได้ตามช่องทางสาขา และเว็บไซต์ อย่างไรก็ตามบริษัทอาจขอสงวนสิทธิไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน ตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายและกฎระเบียบกำหนด บริษัทอาจมีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอใช้สิทธินั้น
10. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด
เพื่อเป็นการให้ข้อมูลแก่ท่านเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อเป็นการให้ข้อมูลแก่ท่านเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทและกลุ่มบริษัท บริษัทจำต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของ ได้แก่ ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ ที่อยู่อีเมล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ (ซึ่งรวมถึงหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่) และข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ดังระบุในนโยบายฉบับนี้ เพื่อใช้ในการดำเนินการส่งเนื้อหาเกี่ยวกับการส่งเสริมการขายและการสื่อสารการตลาดทางตรงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/ หรือบริการของบริษัท คำแนะนำ และข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการประกัน และเงินบำนาญ ตลอดจนการบริหารความมั่งคั่ง การลงทุน ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ การจ้างงาน การฝึกอบรม โปรแกรมให้รางวัล/ให้ผลประโยชน์สาหรับการเป็นลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์/ให้สิทธิพิเศษ กิจกรรมการกุศล/กิจกรรมที่ไม่หวังผลตอบแทน และการจัดกิจกรรมทางการตลาด การประกวด จับฉลากชิงโชค งานอีเว้นท์ และการแข่งขันต่าง ๆ ซึ่งท่านเลือกที่จะเข้าร่วมโดยในการดำเนินการดังกล่าวนี้ บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคลากรและคู่ค้าของบริษัทเพื่อการดำเนินการใด ๆ เพื่อให้บริษัทบรรลุวัตถุประสงค์นี้ โดยรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามนโยบายฉบับนี้ และท่านมีสิทธิในการถอนความยินยอมเกี่ยวกับการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดได้ตลอดโดยผ่านช่องทางการติดต่อดังระบุในนโยบายฉบับนี้
11. การยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive personal data processing)
เนื่องจากบริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) เช่น ข้อมูล ประวัติอาชญากรรม ศาสนา กรุ้ปเลือด ข้อมูลสุขภาพ ประวัติสุขภาพ ข้อมูลชีวภาพ การวิเคราะห์ใบหน้า (Facial Recognition) ลายนิ้วมือ (Fingerprint) เพื่อการเข้าเป็นพนักงานของบริษัท หรือทำธุรกรรมต่อกัน ตลอดจนการให้บริการ, สวัสดิการ, การใช้สิทธิของคู่สัญญาต่าง ๆ บริษัทจึงจำต้องขอความยินยอมจากท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวดังกล่าว
12. การเปลี่ยนแปลงประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนประกาศนี้ เท่าที่กฎหมายอนุญาต เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงของการให้บริการ การดำเนินงานของบริษัท และข้อแสนอแนะ ความคิดเห็นจากเจ้าของข้อมูล โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ทราบหากการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสาระสำคัญของประกาศนี้ ก่อนจะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลง และประกาศแจ้งเตือนให้เจ้าของข้อมูลทราบโดยตรงไม่ว่าวิธีใดก็ตาม
13. การเปลี่ยนแปลงประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เลขที่ 332/1 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์ 02-4838888
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
E-mail: [email protected]
สถานที่ติดต่อ : บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เลขที่ 332/1 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700
วิธีการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
การใช้สิทธิผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) : การใช้สิทธิผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น ท่านสามารถใช้สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมตามแบบฟอร์มด้านล่าง โดยท่านสามารถกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์ม แล้วนำส่งแบบฟอร์มที่ท่านได้กรอกแล้วพร้อมทั้งเอกสารแนบ และส่งมาที่อีเมล [email protected] เพื่อให้บริษัทดำเนินการพิจารณาตามสิทธิที่ท่านได้ยื่นคำขอมา
การใช้สิทธิผ่านช่องทางสาขา : การใช้สิทธิผ่านช่องทางสาขานั้น ท่านสามารถแสดงเจตนาใช้สิทธิ (สามารถใช้สิทธิได้ทุกประเภท) ได้ที่สาขาของบริษัทได้ทุกสาขา ท่านสามารถแสดงเจตนาในการใช้สิทธิ โดยท่านจะต้องกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มและนำส่งเอกสารแนบ แล้วส่งมอบให้กับพนักงานสาขา เพื่อให้บริษัทพิจารณาดำเนินการต่อไป