บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัท”) ตระหนักดีถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัวและหน้าที่ความรับผิดชอบของบริษัทเกี่ยวกับ การเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวข้อง บริษัทยึดค่านิยมที่ว่าความไว้วางใจและความเชื่อมั่นที่ท่านมีให้ทั้งจาก ลูกค้า และบุคคลภายนอก (“ท่าน”) เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสิ่งหนึ่ง บริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะจัดให้มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งเป็นไปตามที่ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) กำหนดไว้ บริษัทจึงได้จัดทำประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้นเพื่ออธิบายถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของท่านเพื่อให้ท่านได้รับทราบถึงแนวทางในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจัดเก็บรวบรวม
บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (ซึ่งรวมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 26 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) และที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“คณะกรรมการ”) กำหนด โดยประเภทของข้อมูลที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทเป็นการทั่วไป ดังนี้
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป | ข้อมูลระบุชื่อเรียก หรือข้อมูลจากเอกสารราชการที่ระบุข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เช่น เลขประจำตัวประชาชน คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล ชื่อกลาง ชื่อเล่น ลายมือชื่อ สัญชาติ เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของบุคคล | ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้ใช้บริการ เช่น วันเดือนปีเกิด เพศ ส่วนสูง อายุ สถานภาพการสมรส ภาพถ่าย ข้อมูลการยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองสิทธิเพื่อการกู้ยืมเงิน ข้อมูลการเป็นบุคคลล้มละลาย เป็นต้น |
ข้อมูลสำหรับการติดต่อ | ข้อมูลเพื่อการติดต่อท่าน เช่น หมายเลขโทรศัพท์บ้าน หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล ที่อยู่ทางไปรษณีย์ ชื่อผู้ใช้งานในสังคมออนไลน์ (เช่น Line ID, Facebook, WhatsApp) แผนที่ตั้งของที่พัก เป็นต้น |
ข้อมูลและประวัติเกี่ยวกับการทำงาน | ประเภทการจ้างงาน อาชีพ ยศ ตำแหน่ง ระยะเวลาการทำงาน ข้อมูลบุคคลอ้างอิง เงินเดือน ชื่อบริษัท ระยะเวลาการทำงาน รายละเอียดหน่วยงานสังกัด ตำแหน่งหน้าที่ ที่อยู่ที่ทำงาน เป็นต้น |
ข้อมูลระบุทรัพย์สินของบุคคล | ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินของท่าน เช่น ทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนรถจักรยานยนต์ สมุดคู่มือทะเบียนรถ ทะเบียนเรือ โฉนดที่ดิน หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส.3) เป็นต้น |
ข้อมูลทางการเงิน | รายได้ แหล่งที่มาของรายได้ เงินเดือน เลขบัญชีธนาคาร จำนวนเงินฝาก ประวัติทางการเงิน รายการเดินบัญชีเงินฝาก รายละเอียดเกี่ยวกับเงินกู้ ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรม ข้อมูลการชำระค่าสาธารณูปโภค รายการทรัพย์สิน ความสามารถของผู้ใช้บริการในการได้มาและจัดการสินเชื่อ เป็นต้น |
ข้อมูลรายละเอียดผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่เคยซื้อจากบริษัท | ประวัติการเป็นลูกค้าสินเชื่อประเภทต่าง ๆ ประวัติการชำระเงิน ประวัติการใช้บริการนายหน้าประกันภัย เป็นต้น |
ข้อมูลที่ต้องตรวจสอบ | ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการระบุตัวตน เช่น การทำความรู้จักลูกค้า (KYC) ข้อมูลสำหรับตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (CDD) ข้อมูลในการตรวจสอบ การจัดระดับความเสี่ยงด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย เป็นต้น |
หากท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับคู่สมรส ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัว ข้อมูลเกี่ยวกับบุตร ผู้อุปการะ ผู้อยู่ในอุปการะ ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ค้ำประกัน ข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับประโยชน์ หรือท่านขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บุคคลภายนอก ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งรายละเอียดตามประกาศฉบับนี้ให้แก่บุคคลดังกล่าวทราบ ตลอดจนขอความยินยอมจากบุคคลอื่นนั้น
ทั้งนี้ บริษัทจะไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอันได้แก่ ลักษณะทางพันธุกรรม พฤติกรรมทางเพศ หรือข้อมูลที่อาจเป็นผลร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง หรืออาจก่อให้เกิดความรู้สึกเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมหรือความไม่เท่าเทียมกันแก่บุคคลใด เว้นแต่ บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือทำการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวภายใต้ฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนด
2. วิธีการได้มาและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยความจำเป็นและฐานที่กฎหมายกำหนด ดังนี้
- เมื่อท่านแสดงเจตนาจะเข้าทำหรือทำสัญญากู้สินเชื่อ รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน ของบริษัท หรือเมื่อท่าน เข้าถึงหรือใช้เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน และ/หรือบริการต่าง ๆ ทางออนไลน์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือทางโทรศัพท์ หรือบริการอื่นๆ ของบริษัท
- เมื่อท่านส่งเอกสารและชุดสัญญากู้สินเชื่อเพื่อจะเข้าทำสัญญากู้สินเชื่อกับบริษัท หรือเมื่อท่านให้ข้อมูล ขณะที่พิจารณาจะเข้าทำหรือทำสัญญากู้สินเชื่อที่เป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ของบริษัท
- เมื่อท่านติดต่อสื่อสารเป็นหนังสือหรือวาจาผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ โทรศัพท์ อีเมล การพบปะกันโดยตรง การสัมภาษณ์ ข้อความสั้น (SMS) โทรสาร ไปรษณีย์ หรือโดยวิธีการอื่นใด กับบุคลากร เจ้าหน้าที่บริการลูกค้า ผู้รับจ้าง คู่ค้า ผู้ให้บริการ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้กระทำการแทน หรือบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องของบริษัท (“บุคลากรและคู่ค้าของบริษัท”)
- เมื่อท่านได้ให้ความยินยอมส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท เพื่อเข้าร่วมในกิจกรรมทางการตลาด การประกวด การจับฉลาก งานอีเว้นท์ หรือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัท หรือของคู่ค้า หรือบริษัทในเครือของบริษัท
- เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งที่มาอื่นที่มิใช่ท่านเอง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการได้รับข้อมูลจากการตรวจสอบจากแหล่งข้อมูลที่เป็นสาธารณะ แหล่งข้อมูลส่วนตัว หรือแหล่งข้อมูลเชิงพาณิชย์ เว็บไซต์ แหล่งข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการข้อมูล (Data provider) สมาคมหรือสมาพันธ์ของธรุกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่ท่านได้เข้าทำสัญญาหรือใช้บริการ การร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท
- เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งที่มาอื่นที่มิใช่ท่านเอง เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายและเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการกำกับดูแลในประการอื่น ๆ ตลอดจนเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น
3. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นธรรมในการเก็บรวบรวม เพื่อประโยชน์ในการใช้บริการของท่าน และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ โดยวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทเป็นการทั่วไป
สิทธิหน้าที่มีตามสัญญา | – การพิจารณาอนุมัติ การให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ เช่น การขอสินเชื่อ การทำประกันภัย ชำระเงินหรือทรัพย์สินใด ๆ เป็นต้น – การดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ เช่น การประมวลผล การติดต่อ การแจ้ง การร้องเรียน การมอบงานให้แก่บุคคลอื่นที่เป็นผู้ให้บริการภายนอก การโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่ การแจ้งเตือนชำระหนี้หรือต่ออายุผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ เป็นต้น – เพื่อตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลของท่าน – เพื่อดำเนินการปฏิบัติตามประบวนการของบริษัทเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสัญญา – เพื่อตรวจสอบประวัติก่อนและระหว่างเข้าทำสัญญา และอาจมีการตรวจสอบรายละเอียดดังกล่าวระหว่างระยะเวลาตามสัญญาเพื่อการก่อตั้ง ใช้ โต้แย้ง หรือดำเนินการตามสิทธิเรียกร้องของบริษัท – เพื่อการติดต่อ และการดำเนินธุรกิจของบริษัทตลอดระยะเวลาที่บริษัทยังมีนิติสัมพันธ์ |
ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย | – การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย – การปฏิบัติตามกฎหมายภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายประกันวินาศภัย กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่น ๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว |
ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย | – การรักษาความสัมพันธ์กับท่าน เช่น การจัดการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การดูแลท่านโดยพนักงานของบริษัท การแจ้งเตือนหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ ประเภทเดียวกันกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัทซึ่งเป็นประโยชน์กับท่าน – การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต การผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญา การทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันในการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยง – การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร |
ความยินยอม | – เพื่อให้ท่านได้รับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่ดี และสอดคล้องกับความต้องการของท่าน – เพื่อให้ท่านได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ คำแนะนำ และข่าวสารต่างๆ รวมถึงสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ |
ทั้งนี้ กรณีที่บริษัทมีความจำเป็นในการเก็บรวบรวม หากท่านปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือคัดค้านการประมวลผลผลตามวัตถุประสงค์ข้างต้น อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการหรือให้บริการตามที่ท่านร้องขอได้ทั้งหมดหรือบางส่วน
4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทในเครือ | บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทในเครือของบริษัท เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการให้บริการ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆแก่ท่าน |
พันธมิตรทางธุรกิจ | บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ได้ร่วมนำเสนอหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการให้ลูกค้าหรือผู้ที่อาจเป็นลูกค้าในอนาคต เช่น บริษัทประกันภัย ผู้ให้บริการชำระเงิน ผู้ให้บริการวิเคราะห์ ตัวแทนทำงานวิจัย ตัวแทนให้บริการจัดผลสำรวจ ตัวแทนให้บริการด้านการตลาด สื่อโฆษณาและการสื่อสาร ตัวแทนการตลาดและบริการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เป็นต้น |
ผู้ให้บริการ | บริษัทอาจว่าจ้างบริษัทอื่นเป็นผู้ให้บริการแทนหรือสนับสนุนการประกอบธุรกิจของบริษัท เช่น ผู้ให้บริการภายนอก (Outsourcing) ตัวแทน ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ เป็นต้น ซึ่งบริษัทอาจจะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ให้บริการแทนหรือสนับสนุนการประกอบธุรกิจของบริษัทเหล่านี้เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ทางธุรกิจต่างๆ รวมถึงการให้บริการแก่ลูกค้า เช่น ผู้ให้บริการด้านการจัดทำเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ผู้ให้บริการ Cloud ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ เครือข่ายต่างๆ เป็นต้น |
ที่ปรึกษาวิชาชีพ | บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่ที่ปรึกษาวิชาชีพ เช่น ที่ปรึกษาวิชาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การตรวจสอบ กฎหมาย บัญชี การบริการทางภาษีและบริการอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจของบริษัท |
หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่นที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายหรือวัตถุประสงค์จำเป็น | การเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจ หน้าที่ในการกำกับดูแลกฎหมายและกฎระเบียบ เช่น กฎหมายภาษีอากร กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงานและประกันสังคม และกฎหมายอื่น ๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว |
บุคคลภายนอกที่เป็นผู้รับโอนสิทธิ ผู้รับโอน หรือผู้รับโอนตามสัญญาแปลงหนี้ใหม่ | บริษัทอาจโอนสิทธิ โอน หรือทำสัญญาแปลงหนี้ใหม่เพื่อโอนสิทธิและหน้าที่ของบริษัท ให้แก่บุคคลภายนอก ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้รับโอนสิทธิ ผู้รับโอน หรือผู้รับโอนตามสัญญาแปลงหนี้ใหม่ เป็นต้น |
5. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ (หากมี)
บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของไปยังบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ในประเทศต่าง ๆ บริษัทจะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐาน
6. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในประกาศนี้ ทั้งนี้บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันสิ้นสุดความสัมพันธ์หรือมีการติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัท หากมีการดำเนินการทางกฎหมายหรือมีความจำเป็นอื่นใด อาจมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้จนกว่าการดำเนินการนั้นจะสิ้นสุด ซึ่งรวมถึงระยะเวลาที่เป็นไปได้ในการยื่นอุทธรณ์และ/หรือฎีกา หลังจากนั้นบริษัทจะมีขั้นตอนกระบวนการ เพื่อทำการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับอนุญาตให้กระทำได้
7. มาตรการรักษาความมั่นคงความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทตระหนักดีถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิ หรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
8. สิทธิของท่าน
- สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้ก่อนหน้าในการประมวลผลข้อมูล อย่างไรก็ตาม การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวย่อมไม่ส่งผลต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนหน้าโดยชอบด้วยกฎหมาย
- สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลโดยการอ้างอิงฐานกฎหมายอื่นที่ไม่ใช่ฐานความยินยอม
- สิทธิในการได้รับการแจ้งให้ทราบ ท่านมีสิทธิในการรับทราบข้อมูลของตนเองที่ได้มีการประมวลผล โดยบริษัทได้รับมาจากการเปิดเผยที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลและขอให้บริษัททำสำเนาดังกล่าวแก่ท่าน
- สิทธิในการแก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิยืนยันความถูกต้องและแก้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวถูกต้องและเป็นปัจจุบันสิทธิในการระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมี
- สิทธิในการระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีดังกล่าวบริษัทจะไม่ประมวลผลข้อมูลของท่านนอกเหนือจากการจัดเก็บข้อมูลเพียงเท่านั้น
- สิทธิในการขอให้ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านออกจากการจัดเก็บของบริษัท
- สิทธิในการขอรับและให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้ และให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีดังกล่าว สิทธิในข้อนี้จะสามารถทำได้หากข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกประมวลผลในรูปแบบอัติโนมัติและได้ประมวลผลตามฐานความยินยอม ฐานสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญาหรือก่อนเข้าทำสัญญา
- สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- สิทธิในการเข้าถึง ขอสำเนา หรือให้เปิดเผยถึงการได้มาของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอเข้าถึง หรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ รวมถึงสามารถขอให้เปิดเผยการได้มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตามสิทธิของท่าน เมื่อมีการร้องขอตามช่องทางการขอใช้สิทธิ โดยท่านสามารถใช้สิทธิได้ตามช่องทางสาขา เว็บไซต์ อีเมลและโทรศัพท์ อย่างไรก็ตามบริษัทอาจขอสงวนสิทธิไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านตามความเหมาะสมและกฎระเบียบที่กำหนด บริษัทอาจมีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลสำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอใช้สิทธินั้น
9. การเปลี่ยนแปลงประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนประกาศนี้ เท่าที่กฎหมายอนุญาต เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงของการให้บริการ การดำเนินงานของบริษัท และข้อแสนอแนะ ความคิดเห็นจากเจ้าของข้อมูล โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ทราบหากการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสาระสำคัญของประกาศนี้ ก่อนจะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลง และประกาศแจ้งเตือนให้เจ้าของข้อมูลทราบโดยตรงไม่ว่าวิธีใดก็ตาม
10.การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ
หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิตามประกาศฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัท และ/หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางดังนี้
- ติอต่อศูนย์บริการลูกค้า : 02-483-8888
- ติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection office : DPO) ทางอีเมล : [email protected]
- ติดต่อสำนักงานใหญ่ : บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
เลขที่ 332/1 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด
เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700