MSCI ESG Rating ในระดับ “AA” บริษัทฯ ได้รับการประเมินผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ หรือ MSCI ESG Rating ในระดับ “AA” ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 (2022-2024) ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (Consumer Finance) โดย MSCI
การจัดการการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องใส่ใจ เพราะถ้าปล่อยให้หนี้สินเพิ่มขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมได้ อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาการเงินจนกลายเป็นหนี้เสียในที่สุด ซึ่งอาจส่งผลกระทบทั้งในด้านการเงินและจิตใจ วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 สัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกว่าคุณกำลังเข้าสู่สถานการณ์หนี้เสีย 1. มีหนี้มากกว่า 45% ของรายได้ หนี้ที่มีมูลค่ามากกว่า45%ของรายได้ รายเดือนนั้นถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าอาจจะมีปัญหาการเงินตามมา เมื่อหนี้สินเพิ่มขึ้นจนเกินกำลังในการชำระหนี้ จะทำให้เกิดภาระหนักในการจัดการการเงิน และอาจทำให้คุณตกอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถควบคุมการใช้จ่ายและชำระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. กู้หนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่า การกู้เงินจากแหล่งใหม่เพื่อมาปิดหนี้เก่านั้นเป็นสัญญาณอันตรายของการบริหารจัดการหนี้ที่ผิดพลาด หลายคนมักจะกู้ยืมหนี้ใหม่เพื่อล้างหนี้เก่า แต่กลับทำให้ปัญหาหนี้สินไม่ลดลง แต่กลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การทำเช่นนี้จะเป็นการสร้างหนี้สินที่ไม่จบสิ้น และเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องหรือกลายเป็นหนี้เสียในที่สุด 3. กลัวเสียงโทรศัพท์ ไม่กล้ารับสาย เมื่อคุณเริ่มรู้สึกกลัวเสียงโทรศัพท์หรือไม่กล้ารับสายจากเจ้าหนี้ นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าคุณกำลังอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด และอาจกำลังหลีกเลี่ยงการติดต่อกับเจ้าหนี้ การหลีกเลี่ยงการติดต่อในช่วงนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง แต่ยังอาจทำให้เจ้าหนี้ใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้น 4. กินไม่ได้นอนไม่หลับ ภาวะการเงินที่ไม่มั่นคงและการแบกรับหนี้มากเกินไป มักส่งผลต่อสุขภาพจิตและร่างกายได้ การกินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นสัญญาณของความเครียดที่สะสมจากภาระหนี้สิน อาจทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวล และสูญเสียความสามารถในการจัดการชีวิตประจำวัน 5. หลอนกลัวเจอเจ้าหนี้ หากคุณเริ่มรู้สึกกังวลหรือหลอนกลัวการเจอเจ้าหนี้ หรือการได้รับคำเตือนเรื่องหนี้สิน นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าคุณอาจจะต้องพิจารณาทบทวนการจัดการหนี้ใหม่แล้ว การหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับปัญหาจะทำให้ปัญหายิ่งเลวร้ายขึ้น และอาจนำไปสู่การเกิดหนี้เสียในระยะยาว ปรึกษาปัญหาหนี้ หากคุณกำลังประสบปัญหาหนี้สินและไม่สามารถจัดการได้ด้วยตนเอง อย่าลังเลที่จะขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน เพื่อช่วยให้คุณจัดการหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบจากปัญหานี้ได้ หากต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถติดต่อ เมืองไทย แคปปิตอล […]
FTSE4GOOD Index 2024 MTC สามารถ maintain ให้อยู่ในดัชนีด้านความยั่งยืนของ FTSE Russell ประเทศอังกฤษ ภายใต้ FTSE4Good Index ซึ่งเป็นดัชนีด้านความยั่งยืนระดับโลก โดยจะเน้นประเมินบริษัทที่มีผลการดำเนินงานครอบคลุมใน 3 ด้าน ได้เเก่ ด้านสิ่งเเวดล้อม ด้านสังคม เเละด้านธรรมาภิบาล หรือที่เรียกรวมๆว่า ESG โดยปีนี้บริษัท ได้คะแนนอยู่ที่ 3.6 จาก 5 ซึ่งจัดอยู่ในระดับ Good Practices
บมจ. เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ได้รับผลประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567 ในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) หรือ 5 ดาว และเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors : IOD) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยรางวัลนี้ ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า บริษัทฯ มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีเยี่ยมต่อเนื่อง มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส คำนึงถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
การมีหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การเข้าใจความแตกต่างระหว่างหนี้ดีและหนี้เสียเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณบริหารจัดการ การเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมาทำความรู้จักกันว่า หนี้ประเภทไหนที่ควรรับผิดชอบและหนี้ประเภทไหนที่ควรหลีกเลี่ยง หนี้ดี หนี้ดี คือหนี้ที่สร้างรายได้หรือก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้คุณเติบโตทางการเงินได้อย่างยั่งยืน ตัวอย่างหนี้ที่ดี คือ หนี้เสีย หนี้เสีย คือหนี้ที่ไม่สร้างรายได้และเกิดจากการใช้จ่ายเกินตัว ซึ่งสามารถทำให้เกิดภาระทางการเงินที่หนักหน่วง ประเภทของหนี้เสียที่ควรหลีกเลี่ยง คือ วิธีการจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าใจและแยกแยะระหว่างหนี้ดีและหนี้เสียเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคล หนี้ดีสามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความมั่นคงและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ ในขณะที่หนี้เสียอาจทำให้คุณมีปัญหาทางการเงินในระยะยาว ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเป็นหนี้ ควรพิจารณาให้รอบคอบว่าเป็นหนี้ประเภทไหน และจะส่งผลต่ออนาคตของคุณอย่างไร
ในยุคที่ทุกคนเริ่มให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การติดตั้งโซลาร์เซลล์จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะติดตั้งในบ้านหรือสถานประกอบการเนื่องจาก มีข้อดีหลายประการที่สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและรักษาสิ่งแวดล้อม มาดูกันว่าการติดโซลาร์เซลล์นั้นดียังไง? พลังงานแสงอาทิตย์ไม่มีวันหมด แสงอาทิตย์เป็นทรัพยากรที่ไม่จำกัด และมีให้เราใช้ทุกวัน ตราบใดที่โลกยังคงหมุนอยู่ เราก็สามารถใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ได้อย่างต่อเนื่อง ผลิตไฟฟ้าได้ทุกที่ที่มีแสงแดด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในเมืองหรือชนบท หากมีแสงแดด ก็สามารถผลิตไฟฟ้าได้ ทำให้การใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์เป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่าย พลังงานสะอาด รักษาสิ่งแวดล้อม การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ไม่ก่อให้เกิดมลพิษหรือก๊าซเรือนกระจก ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้สะอาดและปลอดภัย อายุการใช้งานยาวนาน แผงโซลาร์เซลล์มีอายุการใช้งานมากกว่า 25 ปี ทำให้คุณสามารถใช้พลังงานสะอาดนี้ได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ ช่วยลดค่าไฟได้ถึง 30-70% ขึ้นอยู่กับปริมาณการติดตั้ง โซลาร์เซลล์สามารถช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างมาก ส่งผลดีต่อการเงินของครัวเรือน ความปลอดภัยสูง ระบบโซลาร์เซลล์มีความปลอดภัยสูง ไม่มีการใช้น้ำมันหรือก๊าซ ทำให้มีความเสี่ยงน้อยต่ออุบัติเหตุจากการระเบิดหรือไฟไหม้ พลังงานจากธรรมชาติไม่ต้องเสียเงินซื้อ แสงแดดเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่เราไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อใช้ ทำให้คุณสามารถผลิตไฟฟ้าได้ฟรีหลังจากการติดตั้งระบบ เมืองไทย แคปปิตอลมีสินเชื่อโซลาร์เซลล์ให้บริการด้วยนะ! หากใครสนใจ สามารถติดต่อสาขาใกล้บ้านได้เลย คลิก การลงทุนในโซลาร์เซลล์ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ยังช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับเราและโลกใบนี้อีกด้วย! หมายเหตุ : กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหวอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 17%-18.10% ต่อปี
