MTC เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ใหม่ พร้อมชูดอกเบี้ย 3.90% – 4.30% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 27 – 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ผ่าน 18 สถาบันการเงินชั้นนำ

วันที่ 08 Apr 25

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “MTC”) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ใหม่ 3 ชุด ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 3 ปี 11 เดือน 29 วัน อายุ 4 ปี 11 เดือน 28 วัน และอายุ 6 ปี 11 เดือน 25 วัน คาดว่าจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 27 – 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่ที่ “A- (tha)” โดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2568

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สำนักงาน ก.ล.ต.”) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) โดยหุ้นกู้ MTC ทั้ง 3 ชุด มีรายละเอียด ดังนี้

หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี 11 เดือน 29 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90% ต่อปี

หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี 11 เดือน 28 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.10% ต่อปี และ

หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 6 ปี 11 เดือน 25 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี

หุ้นกู้ MTC ทั้ง 3 ชุด มีกำหนดชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยคาดว่าจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 27 – 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 นี้ โดยวัตถุประสงค์การจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อไปใช้ชำระคืนหนี้จากการออกหุ้นกู้ (roll-over) และเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโตที่ร้อยละ 10 – 15 พร้อมคุม NPL ให้ไม่เกินร้อยละ 2.70 ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 บริษัทฯ มีสินเชื่อคงค้างจำนวน 164,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.60 จากสิ้นปี 2566 ที่มีสินเชื่อคงค้างจำนวน 143,318 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,270 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,543 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.91 และร้อยละ 14.21 ตามลำดับ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 6,555 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,351 ล้านบาท และสำหรับผลการดำเนินงานทั้งปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 27,902 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,867 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 13.76 และร้อยละ 19.59 ตามลำดับ จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดสาขาเพิ่มขึ้น จำนวน 634 สาขา จากสิ้นปีก่อน ทำให้ ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น จำนวน 8,171 สาขา ซึ่งครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทฯ ยังดำรงอัตราส่วนของลูกหนี้ด้อยคุณภาพ (ค้างชำระเกิน 3 เดือน) ต่อลูกหนี้เงินให้สินเชื่อทั้งหมด (NPL Ratio) ที่ร้อยละ 2.75 ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก ณ สิ้นปี 2566 ที่ร้อยละ 3.11 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมี Credit Cost ที่ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 2.81 จากสิ้นปี 2566 ที่ร้อยละ 3.67

“เมืองไทย แคปปิตอล ยังคงมุ่งเน้นการบริการทางการเงินในมาตรฐานระดับสากลอย่างมีความรับผิดชอบและเป็นธรรม ควบคู่การดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม จนได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โดยได้รับการประเมินที่ระดับ AAA ในปี 2567 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors: IOD) ในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) หรือ 5 ดาว เป็นปีที่ 7 ติดต่อกันอีกด้วย ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นผู้นำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในมาตรฐานระดับโลก (World-class Thai Microfinance) ผ่านความร่วมมือกับสถาบันการเงินระดับโลก ได้แก่ องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) รัฐบาลเยอรมนี (KfW DEG) บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation : IFC) ซึ่งเป็นสถาบันในกลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group) ผ่านการลงทุนในหุ้นกู้เพื่อสังคมของบริษัทฯ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยที่มีสุภาพสตรีเป็นเจ้าของ และ บริษัทฯ ยังเป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (NBFI) รายแรกของประเทศไทย ที่ได้มีการออกหุ้นกู้เพื่อสังคมมูลค่า 335 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เสนอขายแก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศทั้งจำนวนอีกด้วย” นายปริทัศน์ กล่าว

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ MTC สามารถจองซื้อจำนวนขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้

  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่านhttps://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 02-888-8888 กด 869 และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application – CIMB Thai) โทร. 02-626-7777
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด  โทร. 02-680-4004
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5555
  • บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1800 กด 1
  • บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
  • บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร. 02-249-2999
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-638-5500
  • บริษัทหลักทรัพย์ พาย จํากัด (มหาชน) โทร.02-205-7000 ต่อ 7387
  • บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-59
  • บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02-687-7543
  • บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 02-779-9000

QR Download

หนังสือชี้ชวนสำหรับโครงการ

หนังสือชี้ชวนสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้และการจองซื้อครั้งนี้

line