5 ทริค ขับรถกลางคืนให้ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง

คนใช้รถหลายคนอาจหลีกเลี่ยงการขับรถกลางคืน เพราะนอกจากทัศนวิสัยจะไม่ดีเท่าการขับรถกลางวันแล้ว ยังเสี่ยงอันตรายในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อุบัติเหตุทางรถยนต์ การทำร้ายร่างกายและทรัพย์สิน เป็นต้น ยิ่งพอเป็นผู้หญิงที่ขับรถกลางคืนด้วยแล้ว ยิ่งเสี่ยงอันตรายยิ่งกว่าผู้ชายเท่าตัว ในวันนี้จะมาแนะนำ 5 ทริค การขับรถให้ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง จะมีอะไรบ้างไปติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ

1.ขึ้นรถแล้ว อย่าลืมล็อกรถ

สิ่งแรกที่ผู้หญิงทุกคนควรทำเมื่อขึ้นรถคือการล็อกรถโดยทันที เพราะในยามค่ำคืนไม่ว่าเราจะจอดรถที่ออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า คอนโด หรือสี่แยก หากไม่ล็อกประตูรถให้ดีอาจทำให้ผู้ไม่หวังดีเข้ามาทำร้ายโดยไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นหากขึ้นรถแล้วทำการล็อกรถในทันที จะช่วยลดความเสี่ยงที่ผู้ร้ายจะบุกเข้ามาทำร้ายเราในรถได้ แต่หากในกรณีที่มีคนแปลกหน้ามาเคาะกระจกเพื่อพูดคุย ควรแง้มกระจกหน้าต่างเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยของตัวเรา

นอกจากนี้ก่อนที่จะเดินมายังจุดที่เราจอดรถสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรประมาทคือการสังเกตสภาพแวดล้อมบริเวณที่เราจอดรถว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ หากพบว่ามีสัญญาณอันตรายควรขอความช่วยเหลือทันที

2.เช็กความพร้อมของระบบไฟ

แสงสว่างจากรถยนต์เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการขับรถตอนกลางคืน ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ขับรถกลางคืนด้วยแล้ว เพราะบางเส้นทางไม่ได้มีเสาไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างเพียงพอ แสงไฟจากรถจะเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการขับขี่มากขึ้น ดังนั้นก่อนขับรถช่วงกลางคืนควรที่จะเช็กระบบไฟทุกดวงว่าพร้อมแค่ไหน เช่น ไฟสูง ไฟต่ำ ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ไฟฉุกเฉิน เป็นต้น หากพบว่าไฟดวงไหนของรถส่องสว่างไม่เต็มที่ ให้รีบเปลี่ยนทันทีเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ

นอกจากนี้อย่าลืมที่จะเรียนรู้ที่จะใช้ไฟรถแต่ละส่วนให้ถูกต้อง เพื่อเป็นการสื่อสารกับรถคันอื่น รวมถึงลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยไฟในรถยนต์แต่ละส่วนมีหน้าที่ดังนี้

  • ไฟหน้า ใช้เพื่อส่องสว่างทางด้านหน้า แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ไฟสูงหากขับบนเส้นทางที่มีรถสวนไปมา
  • ไฟท้าย ช่วยให้รถคันด้านหลังสามารถมองเห็นรถของคุณ และช่วยให้รถด้านหลังสามารถประมาณความเร็วและทิศทางรถของคุณได้
  • ไฟเบรก เป็นไฟที่ช่วยส่งสัญญาณบอกรถด้านหลังให้รู้ว่ารถของคุณกำลังชะลอความเร็ว หรือหยุดรถกะทันหัน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุรถชนท้าย
  • ไฟเลี้ยว เป็นไฟสัญญาณที่ใช้แสดงเมื่อเราต้องการเปลี่ยนเลน หรือเตรียมตัวที่จะเลี้ยวไปทางใดทางหนึ่ง
  • ไฟตัดหมอก ไว้ช่วยส่องสว่างเพื่อให้เราสามารถมองเห็นทัศนวิสัยชัดเจน ตอนที่เราขับรถในบริเวณที่มีหมอกหนาหรือมีฝนตกหนัก

3.ไม่สวมรองเท้าส้นสูงขณะขับรถ

รองเท้าส้นสูงถือว่าเป็นไอเทมที่ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับผู้หญิงทุกคน แต่การใส่รองเท้าขับรถถือว่าเป็นเรื่องที่ควรเลี่ยง เพราะการใส่รองเท้าส้นสูงจะส่งผลให้กำลังการเหยียบเบรกหรือคันเร่งของผู้ขับขี่ไม่เท่าเดิม ส่งผลให้เสี่ยงอุบัติเหตุมากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นการขับรถตอนกลางคืนแล้วควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากกว่าขับรถกลางวันเท่าตัว นอกจากนี้ถ้าถอดรองเท้าส้นสูงบนรถไม่ควรถอดใต้ที่นั่งคนขับ เพราะอาจทำให้รองเท้าไปขัดคันเร่งหรือเบรก จนเป็นอีกสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเช่นเดียวกัน

4.เกิดเหตุไม่คาดฝัน ไม่ควรลงจากรถทันที

หากเกิดอุบัติเหตุหรือเรื่องไม่คาดฝันยามค่ำคืน เช่น มีรถมาเฉี่ยวชนรถของเราหรือมีสิ่งกีดขวางหน้ารถ ให้ตั้งสติและไม่ควรออกจากรถโดยทันที เพราะบางครั้งอาจเป็นแผนของผู้ร้ายที่ต้องการดักทำร้ายเรา ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ขับรถกลางคืนด้วยแล้วยิ่งมีโอกาสตกเป็นเหยื่อได้ง่าย หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ให้โทรแจ้งตำรวจหรือเบอร์ฉุกเฉินเพื่อให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือหรือถ้าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับรถของเราให้โทรแจ้งบริษัทประกันเพื่อให้เจ้าหน้าที่มาช่วยไกล่เกลี่ย

5.ไม่แชตหรือคุยโทรศัพท์ระหว่างขับรถ

ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ แต่เมื่อขณะขับรถ มือถือเป็นสิ่งที่ควรอยู่ห่างมือ เพราะการใช้มือถือระหว่างที่ขับรถอาจทำให้เสี่ยงอุบัติเหตุจากการขับขี่สูงขึ้น ยิ่งหากเป็นช่วงกลางคืนที่ทัศนวิสัยลดลงกว่ากลางวัน โอกาสเกิดอุบัติเหตุยิ่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิม สำหรับผู้หญิงที่จำเป็นต้องขับรถตอนกลางคืนแนะนำให้ใช้มือถือเท่าที่จำเป็น เช่น ใช้ในการดูเส้นทาง ใช้สำหรับเปิดเพลงแก้เหงาระหว่างทาง เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงการตอบแชทหรือคุยโทรศัพท์ระหว่างขับรถ เพราะอาจทำให้เราเสียสมาธิในการขับรถจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

บทความ, สาระความรู้

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • บทความ
    บทความ

    หมวกกันน็อกเพียงใบเดียว มีความสำคัญมากแค่ไหน

    การขับรถจักรยานยนต์ให้มีความปลอดภัยนั้น นอกจากจะต้องระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษแล้ว เราควรเสริมในเรื่องของการสวมหมวกกันน็อกเพิ่มด้วย เพื่อให้ถูกกฎหมายจราจรและเพื่อชีวิตของเราเอง เพราะศีรษะของคนเราเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในร่างกาย หากเกิดอุบัติเหตุใดๆ ขึ้นมา ก็ยังมีหมวกคอยคุ้มภัยปกป้องศีรษะให้เราได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ควรเลือกซื้อหมวกที่มีมาตรฐานสูง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดให้กับทุกการขับขี่ ถึงจะทำให้การสวมหมวกนิรภัยมีความหมาย ทำให้เราได้รับการปกป้องและบาดเจ็บน้อยที่สุด รักชีวิตต้องเลือกสวมหมวกกันน็อก รับรองว่ามีแต่ข้อดี 1. เพิ่มความปลอดภัยให้ผ่านพ้นจากอุบัติเหตุไม่คาดคิด อุบัติเหตุบนท้องถนนไม่ได้ระบุล่วงหน้าว่าจะเกิดที่ไหนเวลาใด ต่อให้มีความระมัดระวังในการขับขี่มากแค่ไหน ก็อาจพลาดท่ารถล้มเสียหลัก จนทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลได้ วิธีป้องกันอุบัติเหตุที่ดีที่สุดสำหรับการขับขี่ ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่สวมหมวกกันน็อกที่ผ่านมอก. จะเดินทางไปที่ไหนหรือต้องพบเจอกับอุบัติเหตุจะร้ายแรงเพียงใด ก็ยังอุ่นใจได้เสมอ 2. ลดการโดนค่าปรับ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ การขับรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกกันน็อก เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตบนท้องถนนมาก จึงเป็นเหตุทำให้ประเทศไทยต้องออกกฎหมายบังคับอย่างเข้มงวด โดยกฎหมายจราจรล่าสุดไม่สวมหมวกนิรภัยปรับกี่บาท? ได้ออกกฎมาเพื่อปรับไม่เกิน 2,000 บาท ฉะนั้นการสวมหมวกกันน็อกเอาไว้นอกจากขับขี่ปลอดภัยแล้วยังไม่เสียเงินค่าปรับอีกด้วย 3. ขับขี่รถจักรยานยนต์ปลอดภัยจากแรงลมและแมลง ข้อดีของการใส่หมวกกันน็อกเมื่อออกเดินทางท่องเที่ยวไกลๆ กับทริปมอเตอร์ไซค์ หากสวมหมวกกันน็อกแล้ว จะช่วยลดการปะทะกับแรงลมได้เป็นอย่างดี รวมทั้งแมลงต่างๆ ที่อาจบินเข้าตาได้ ทำให้การขับขี่มีแต่เพลิดเพลินและสนุกกับทุกทริปได้มากยิ่งขึ้น 4. สวมหมวกกันน็อกแล้วเพิ่มความสมาร์ทและดูดีใช่เล่น เมื่อกฎหมายเคร่งครัดบังคับให้ทุกคนที่ขับรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกกันน็อก จึงมีหมวกในรูปทรงต่างๆ ออกวางจำหน่ายเพื่อตอบโจทย์ผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น เป็นรูปทรงที่สวมใส่แล้วดูดี มีสีสันให้เลือกมากมาย แล้วควรเลือกหมวกกันน็อกแบบไหนดี? ถึงจะดีที่สุด […]

    Baifern
    อ่านเพิ่มเติม
  • ความยั่งยืน
    ความยั่งยืน

    ทำไมต้องรีไซเคิล?

    ในปัจจุบัน เราต้องเผชิญกับปัญหาหลายด้านที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ระมัดระวัง และการสร้างขยะที่ไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรีไซเคิลจึงกลายเป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการรีไซเคิลไม่เพียงแต่ช่วยลดขยะเท่านั้น แต่ยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเรา ดังนั้น มาดูกันว่า ทำไมการรีไซเคิลถึงมีความสำคัญและเราควรทำอย่างไรเพื่อให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น ลดขยะ การรีไซเคิลช่วยให้ขยะมีการจัดการที่ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดจำนวนขยะที่ต้องถูกส่งไปยังที่ฝังกลบ ซึ่งเป็นการลดปัญหาฝังกลบขยะที่ทำให้เกิดมลพิษและเป็นภาระในการจัดการสิ่งแวดล้อม การรีไซเคิลทำให้เราสามารถนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดการสร้างขยะที่ย่อยสลายยากและอันตรายต่อธรรมชาติ ประหยัดพลังงาน การผลิตสิ่งของใหม่จากวัสดุที่รีไซเคิลมักจะใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิตจากวัตถุดิบใหม่ เช่น การรีไซเคิลอะลูมิเนียมสามารถประหยัดพลังงานได้มากถึง 95% เมื่อเทียบกับการผลิตจากแร่ธรรมชาติ การใช้พลังงานที่น้อยลงไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษจากกระบวนการผลิตอีกด้วย ช่วยลดมลพิษ กระบวนการผลิตวัสดุใหม่มักจะปล่อยมลพิษต่ออากาศ น้ำ และดิน ในขณะที่การรีไซเคิลช่วยลดการปล่อยมลพิษจากทั้งการผลิตวัสดุใหม่และจากการฝังกลบขยะ การรีไซเคิลช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีส่วนในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศน์ได้ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ วัสดุที่นำมารีไซเคิลสามารถนำมาใช้แทนวัสดุใหม่ที่ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติในการผลิต เช่น การรีไซเคิลกระดาษช่วยลดการตัดไม้สำหรับผลิตกระดาษใหม่ การใช้วัสดุรีไซเคิลทำให้เราไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติที่จำกัด ซึ่งเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติและช่วยให้โลกของเรามีความยั่งยืนมากขึ้น ในวันที่ 18 มีนาคมของทุกปี “วันรีไซเคิลโลก” ซึ่งเป็นวันที่มีการรณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการรีไซเคิลและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การรีไซเคิลเป็นการกระทำที่ทุกคนสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยลดปัญหาขยะและรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ต่อไป การรีไซเคิลไม่ได้เป็นเพียงหน้าที่ของบุคคลหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนในการทำให้โลกของเราน่าอยู่และยั่งยืนต่อไป ในวันรีไซเคิลโลกนี้ เราทุกคนสามารถร่วมมือกันในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป

    [email protected]
    อ่านเพิ่มเติม
  • สาระความรู้
    สาระความรู้

    เมื่อเงินเดือนหมดเร็ว ทำอย่างไร ให้มีเงินเหลือใช้ทุกวัน ?

    การจัดการเงินเดือนให้มีประสิทธิภาพและเหลือใช้ตลอดทั้งเดือนเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับหลายๆ คน โดยเฉพาะเมื่อเงินเดือนของเราหมดเร็วตั้งแต่ต้นเดือน แต่ไม่ต้องกังวลเกินไป เพราะมีหลายวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหลือใช้ได้ในทุกวัน มาเริ่มต้นกันเลยดีกว่า! แบ่งเงินใช้เป็นรายวัน การแบ่งเงินเป็นรายวันเป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้น โดยการแยกเงินออกเป็น 30 ซอง (หนึ่งซองต่อวัน) และเขียนวันที่กำกับไว้ในแต่ละซอง เมื่อคุณใช้เงินจากซองนั้นๆ ก็จะรู้ว่าแต่ละวันต้องใช้งบประมาณเท่าไรและจะสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้น วิธีนี้ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและสามารถป้องกันการใช้เงินเกินไปในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซื้อของที่จำเป็นให้ครบ การซื้อตุนของที่จำเป็นไว้ก่อนตั้งแต่ช่วงเงินเดือนออก เช่น อาหาร หรือสิ่งของใช้ส่วนตัว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในช่วงกลางเดือน โดยไม่ต้องไปซื้อของเร่งด่วนในราคาที่แพง หรือการไปซื้อของในช่วงที่เงินเริ่มหมดแล้ว วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถวางแผนและทำให้ค่าใช้จ่ายของคุณกระจายไปได้ตลอดทั้งเดือน แถมยังทำให้การใช้จ่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น หยอดกระปุก การหยอดกระปุกเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินส่วนเกินในแต่ละวันได้เป็นจำนวนมาก และกลายเป็นเงินสำรองในกรณีที่คุณต้องการใช้ในช่วงที่เงินเดือนใกล้หมด ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้โดยไม่รู้สึกถึงความตึงเครียดเรื่องการเงิน บางครั้งเงินที่หยอดกระปุกอาจจะกลายเป็นเงินช่วยชีวิตในช่วงที่คุณต้องการเงินฉุกเฉินมากที่สุด การจัดการเงินเดือนให้เหลือใช้ทุกวันไม่ได้ยากเกินไป ขอเพียงแค่คุณมีการวางแผนและจัดระเบียบการใช้จ่ายให้ดี ด้วยการแบ่งเงินเป็นรายวัน ซื้อตุนของที่จำเป็น และหยอดกระปุกเก็บเงินส่วนเกิน จะช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเดือนหมดเร็วอีกต่อไป

    [email protected]
    อ่านเพิ่มเติม
  • บทความ
    บทความ

    6 สิ่งที่ผู้หญิงควรรู้และต้องเช็กรถเป็นประจำ

    ผู้หญิงในสมัยนี้ นอกจากจะเก่งเรื่องการทำงานแล้ว ยังต้องสตรองในการใช้ชีวิตด้วย ผู้หญิงหลายคนขับรถไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง ดูเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่ดูแลตัวเองได้อย่างดี แม้กระทั่งเรื่องรถยนต์ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไร แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่ผู้หญิงดูแลรถได้เองในเบื้องต้น วันนี้เราจึงขอแชร์เทคนิคดูแลรถง่ายๆ ในแบบฉบับผู้หญิงขับรถมาให้สาวๆ ได้อ่านกัน 1. หมั่นตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่อง เป็นสิ่งที่สำคัญต่อเครื่องยนต์ โดยเราควรหมั่นเช็กระดับน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในระดับปกติไหม ด้วยการดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาดู ถ้าน้ำมันเครื่องอยู่ระดับ F และ L แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ แต่ถ้าปล่อยให้น้ำมันเครื่องอยู่ต่ำว่าตัว L หรือ ต่ำกว่าขีดล่าง ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหากับเครื่องยนต์ได้ นอกจากนี้ควรหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งาน 2. อย่าลืมดูน้ำมันเบรกและเบรก นอกจากนี้เราควรหมั่นเช็กน้ำมันเบรกและเบรก อยู่ในระดับมาตรฐานหรือเปล่าโดยเปิดฝากระโปรงหน้ารถและดูที่กระปุกน้ำมันเบรก ว่าไม่ควรต่ำกว่าระดับ Min และไม่ควรจะสูงเกิน Max หากระดับน้ำมันเบรกอยู่ต่ำกว่า Min แสดงว่าผ้าเบรกอาจมีปัญหา หรืออาจมีการรั่วซึมได้ ควรเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด 3. หมั่นตรวจระดับน้ำยาหล่อเย็นหรือน้ำในหม้อน้ำ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้รถยนต์เกิดอาการโอเวอร์ฮีท หรือเครื่องยนต์เกิดความร้อนจนเกินไป เราจึงควรหมั่นตรวจระดับน้ำยาหล่อเย็นหรือ น้ำในหม้อน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่ตลอด หากพบว่าน้ำมีระดับต่ำก็ควรเติมด้วยน้ำกลั่น หรือผสมน้ำยาหล่อเย็น การเติมน้ำเปล่าลงไปในหม้อน้ำ ควรเติมเฉพาะกรณีฉุกเฉินจริง ๆ เท่านั้น เช่น เกิดความร้อนสูงระหว่างการเดินทาง จำเป็นต้องใช้น้ำเปล่าช่วยลดความร้อนเครื่องยนต์ในตอนนั้น ไม่ควรใช้น้ำประปาบ่อย ๆ เพราะอาจเกิดตะกรันได้ 4. เช็กสภาพแบตเตอรี่ รู้ไหมว่าเราสามารถตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่รถยนต์ได้ด้วยการดูตาแมวแบตเตอรี่ หากมีสีเขียวหรือ   สีน้ำเงินแสดงว่าไฟเต็ม หากเป็นสีขาวหรือ สีใส แสดงว่าไฟอ่อน ควรชาร์จไฟเพิ่ม แต่ถ้าเป็นสีแดงหรือ สีส้ม แสดงว่าน้ำกลั่นแห้ง ควรเติมน้ำกลั่น ดังนั้นจึงควรใช้งานแบตเตอรี่อย่างเหมาะสม ไม่เปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่หมด โดยเราควรมีเครื่องมือวัดโวลต์แบตเตอรี่ และเครื่องมือชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์สำรองไว้หรือ พกสายพ่วงแบตเตอรี่ไว้ก็จำเป็น เผื่อต้องขอพ่วงแบตกับรถคันอื่น หรือนำไปใช้ช่วยเหลือรถคันอื่น 5. วัดลมยางสม่ำเสมอ หลังจากดูพวกของเหลวกันไปแล้ว เรื่องของลมยาง และยางรถยนต์ ก็เป็นสิ่งที่สาว ๆ ไม่ควรปล่อยปละละเลย เพราะถ้าลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้รถกินน้ำมัน แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย อย่างไรแล้วเราควรหมั่นเช็กลมยางอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยดูค่าแรงดันยางรถยนต์ได้ที่ป้ายข้างประตูคนขับ หากเป็นรถเก๋ง 4 จะอยู่ที่ประมาณ 30-32 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ซึ่งนอกจากจะหมั่นเช็กลมยางแล้วควรเช็กยางรถยนต์ด้วยว่ามีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ หากใช้งานจนดอกยางเริ่มโล้น หรือใช้งานมาแล้ว 3 ปี หรือประมาณ 60,000 กิโลเมตร ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถยนต์แล้วล่ะ 6. อย่าลืมเปลี่ยนยางปัดน้ำฝน ในช่วงหน้าฝน ควรหมั่นเช็กสภาพยางปัดน้ำฝนว่าใช้งานได้ดีหรือไม่ หากยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ หรือยางเริ่มแข็ง ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อการปัดน้ำฝนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรเติมน้ำในกระบอกปัดน้ำฝนด้วย เผื่อต้องใช้ในการฉีดน้ำล้างกระจกเพื่อความสะอาดใส และทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ดี ที่มา : toyotabuzz

    Baifern
    อ่านเพิ่มเติม
  • ไลฟ์สไตล์
    ไลฟ์สไตล์

    สุขภาพดีมีหุ่นเป๊ะ ด้วยการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด

    ในปัจจุบันที่ทุกคนมองหาวิธีการดูแลสุขภาพและรักษารูปร่างให้ดีขึ้น การทานอาหารตามกรุ๊ปเลือดเป็นแนวทางที่ได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งแต่ละกรุ๊ปเลือดอาจมีการตอบสนองต่ออาหารและโภชนาการที่แตกต่างกัน สามารถช่วยให้เราเลือกทานอาหารได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักหรือการเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย การเลือกทานอาหารตามกรุ๊ปเลือด กรุ๊ปเลือด A มักมีกรดในกระเพาะต่ำ ซึ่งทำให้การย่อยอาหารทำได้ไม่ดีเท่ากับกรุ๊ปเลือดอื่น ๆ ดังนั้นการทานอาหารที่ย่อยง่ายและไม่ก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ กรุ๊ปเลือด B คนกรุ๊ป B นั้นมักจะมีปัญหาการสะสมไขมันได้ง่าย และเสี่ยงต่อการอ้วนมากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น ๆ ดังนั้นจึงควรเลือกทานอาหารที่ช่วยควบคุมระดับไขมันและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กรุ๊ปเลือด AB เป็นการผสมผสานระหว่างกรุ๊ป A และ B ซึ่งสามารถทานอาหารได้หลากหลายขึ้น แต่ควรเน้นการทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง กรุ๊ปเลือด O เป็นกรุ๊ปเลือดที่ต้องการโปรตีนสูงจากเนื้อสัตว์และอาหารทะเล เนื่องจากร่างกายต้องการโปรตีนเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การทานอาหารตามกรุ๊ปเลือดเป็นแนวทางหนึ่งในการดูแลสุขภาพและรักษารูปร่างให้ดียิ่งขึ้น การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดของตัวเองอาจช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการหรือแพทย์เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับร่างกายของคุณอย่างแท้จริง เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างมีสติ และเลือกทานอาหารที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดของคุณ เพื่อสุขภาพที่ดีและหุ่นที่คุณใฝ่ฝัน

    [email protected]
    อ่านเพิ่มเติม
  • บทความ
    บทความ

    เคล็ดลับการจัดการเงินช่วงเทศกาล: สนุกได้โดยไม่ต้องเป็นหนี้

    ช่วงเทศกาลเป็นเวลาที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินกับการเฉลิมฉลองกับครอบครัวและเพื่อนฝูง แต่หลายคนอาจจะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายที่อาจจะเกินงบและนำไปสู่ปัญหาหนี้สินหลังจากเทศกาลผ่านพ้นไป อย่างไรก็ตาม ด้วยการวางแผนที่ดี คุณก็สามารถสนุกสนานได้โดยไม่ต้องเครียดเรื่องเงิน นี่คือเคล็ดลับการจัดการเงินในช่วงเทศกาลเพื่อให้คุณสามารถใช้จ่ายได้อย่างมีสติ 1. ตั้งงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายในช่วงเทศกาล การตั้งงบประมาณเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการจัดการเงินในช่วงเทศกาล ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อของขวัญหรือวางแผนกิจกรรมต่างๆ ควรกำหนดจำนวนเงินที่คุณสามารถใช้ได้ในแต่ละประเภท เช่น ของขวัญ อาหาร หรือการเดินทาง และต้องทำให้มั่นใจว่าการใช้จ่ายของคุณไม่เกินขอบเขตที่ตั้งไว้ 2. ทำรายการของขวัญที่ต้องซื้อ การซื้อของขวัญในช่วงเทศกาลอาจทำให้คุณรู้สึกกดดันในการหาของขวัญที่ดีและเหมาะสมกับงบประมาณ แต่การทำรายการของขวัญล่วงหน้าจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น รวมทั้งสามารถเลือกซื้อของที่มีคุณภาพโดยไม่ต้องเสียเงินไปกับของที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ 3. ใช้โปรโมชันและส่วนลดให้คุ้มค่าที่สุด ในช่วงเทศกาลมีโปรโมชันและส่วนลดมากมายที่ช่วยให้คุณซื้อของขวัญหรือสิ่งของต่างๆ ได้ในราคาที่ถูกลง อย่าลืมตรวจสอบดีลต่างๆ เช่น ส่วนลดออนไลน์ คูปอง หรือการซื้อเป็นชุดที่มีราคาพิเศษ เพื่อให้คุณได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้จ่าย 4. เลือกหากิจกรรมฟรีหรือราคาประหยัดในการเฉลิมฉลอง การเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูงเสมอไป ลองเลือกกิจกรรมที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือมีราคาประหยัด เช่น การทำอาหารทานเองที่บ้าน, การจัดปาร์ตี้ในสวนสาธารณะ หรือการเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนที่จัดขึ้นฟรี ช่วยให้คุณสามารถสนุกสนานได้โดยไม่ต้องใช้เงินมาก 5. วางแผนการชำระเงินเพื่อไม่ให้เกิดหนี้สะสมหลังจากเทศกาล การวางแผนการชำระเงินเป็นสิ่งที่สำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดหนี้สินหลังจากเทศกาล เมื่อคุณใช้จ่ายไปในช่วงเทศกาล อย่าลืมตรวจสอบยอดเงินที่คุณต้องจ่ายและตั้งการชำระเงินในงวดที่เหมาะสม เพื่อให้คุณไม่ตกเป็นหนี้และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังจากเทศกาล การจัดการเงินในช่วงเทศกาลไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยาก ถ้าคุณสามารถตั้งงบประมาณและทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ได้ คุณก็จะสามารถสนุกกับการเฉลิมฉลองได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สินหลังจากเทศกาลผ่านพ้นไป

    [email protected]
    อ่านเพิ่มเติม
line